#สืบเนื่องจากข่าวเด็กถูกทำร้ายตอนทำการบ้าน
หม...

#สืบเนื่องจากข่าวเด็กถูกทำร้ายตอนทำการบ้าน
หมอเห็นข่าว ที่คุณพ่อคนหนึ่ง ทำร้ายลูก
ขณะที่สอนการบ้านลูก
ขอให้พวกเราพักเรื่องการ #ตัดสิน คุณพ่อที่ทำร้ายเด็กไว้ก่อน (ยังไงก็ผิดอยู่แล้ว)
หมอแทบไม่ต้องเข้าไปอ่าน comment ใต้ clip ที่นำเสนอ ก็รู้แล้วว่าจะมี comment แบบไหน
.
ตอนดูจบแล้วสะเทือนใจมากๆ ทุกคนที่ได้ดู
คงรู้สึกสงสาร บางคนโกรธคนที่กระทำ
แต่นอกเหนือไปจากนั้น....หมอได้เห็น
บางส่วนของตัวเองอยู่ในนั้น
ที่ทำให้ตัวเองร้องไห้
ไม่ใช่เพราะความสงสารเด็กน้อย 2 คนในคลิป
แต่สงสารลูกสาวตัวเอง และเด็กทุกคนที่ต้องตกอยู่สภาพ #กลัวเวลาทำการบ้าน
.
หมอต้องยอมรับจริงๆเลยว่า
การนั่งดูลูกทำการบ้าน เป็นเวลาที่หมอรู้สึกว่า
ผ่านไปได้ยากมากในแต่ละวัน
หมอไม่เคยทำร้ายร่างกายลูก....คิดว่าหลายๆคนก็คงบอกว่า ฉันก็ไม่เคย!
แต่รู้หรือไม่ว่า
คำพูดที่ทำร้ายจิตใจเด็ก ก็เป็นการทารุณกรรมเด็กรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
.
บางครั้ง การหวังดี ที่เลยเถิด...ทำให้พ่อแม่
ใช้สมองส่วนอารมณ์มากกว่าสติ
ก็ทำให้เรา ก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างคำว่า
ตักเตือนเพราะรัก กลายเป็น
ต้องทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองยังด้อย
“เรื่องแค่นี้เอง ทำไมถึงทำไม่ได้ซักที”
“เรียนไม่คุ้มค่าเทอมเลย”
“ถ้าตั้งใจเรียนก็ต้องรู้สิว่าคุณครูสอนยังไง”
“ถ้าไม่อยากทำ ก็ถูกครูทำโทษพรุ่งนี้เองละกัน”
สารพัดคำพูดที่พ่อแม่จะงัดมา เมื่อโมโหที่ลูกทำการบ้านไม่ได้ดังใจ
.
หมอได้เรียนรู้มากมายจากวิดีโอสั้นๆที่ข่าวนำเสนอ
คิดว่าคงดูได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะภาพมันติดตาติดใจมาก
👉1. ปัญหาหลักของพ่อแม่ที่ปรี๊ดแตก ตอนสอนการบ้านลูก คือ #ยังฝึกจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ไม่ดีพอ
นี่เป็นสาเหตุที่หมอบอกทุกคนว่า
เราต้องได้เรียนรู้เรื่องการเลี้ยงลูกเชิงบวก
เพราะเมื่อเรามีจุดที่ ปีศาจโมโหเข้าครอบงำไปแล้ว อย่างน้อยๆ ความรู้ที่ได้อ่านมา
เป็นจะเป็นตัวเลือกเล็กๆ ให้กับเราได้
ถึงจะไม่ได้ช่วยทั้งหมด
แต่หมอรับประกันว่า มันจะผ่อนหนักให้เป็นเบา

2. เมื่อไหร่ที่คำพูดเชิงลบพร่างพรูออกมาจากปากเรา ขอได้โปรดรู้ไว้ว่า ถ้า...
👉เราทำให้ลูกรู้สึกว่า เค้าถูกสบประมาท เค้าถูกลดทอนคุณค่าของตัวเค้าเอง

👉เค้าถูกทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้กระทำผิดโดยที่บางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันผิดตรงไหนและไม่เกิดการเรียนรู้จากการถูกดุด่าในครั้งนั้นเลย

👉ลูกพยายามพูดให้คุณหยุดคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเค้าเหล่านั้นแต่คุณยังทำต่อ

สิ่งนี้เข้าข่าย ทารุณกรรมเด็กด้วยคำพูด (verbal abuse) และ #มันเจ็บปวดที่สุดถ้าถูกกระทำจากคนที่เค้ารัก

3. กลับไปคิดให้ออกว่า #การบ้าน เกิดมาเพื่อทำงานอย่างไร
👉เพื่อให้ลูกๆได้ทบทวนสิ่งที่เรียนมา
👉เพื่อให้เกิดการประเมินตัวเอง
👉เพื่อฝึกความรับผิดชอบ
ที่เราอยากให้ทำให้ถูกต้องทั้งหมด....
เพื่อตัวเราเอง หรือเพื่อลูก
ถ้าสิ่งที่คุณคิดคือ
ถ้าการบ้านผิด....ครูจะคิดว่าเด็กบ้านนี้ พ่อแม่ไม่ดูแลตอนทำการบ้านเลยหรือ
ถ้าทำการบ้านผิด...แปลว่า ไม่เก่ง เรียนไม่ดี ไม่ตั้งใจเรียน ฯลฯ เพราะลูกเป็นตัวแทน #ความเป็นพ่อแม่ของเราดังนั้นเรายอมไม่ได้
นี่คือ เรากำลังทำเพื่อตัวเราเอง
เรากำลังมองตัวเองผ่านลูก

แท้จริง ลูกมีวิธีการเรียนรู้ของเค้าเอง นอกจากการทำการบ้านถูกต้อง คือการเอาตัวรอด การสื่อสารอย่างไรให้คุณครูอธิบายเพิ่มเติมถ้าไม่เข้าใจ และอีกหลายอย่าง ที่เค้าได้รับจากการ
#ทำงานของตัวเอง_ด้วยตัวเอง
เราคอยช่วยเหลือได้ ถ้าลูกต้องการ
แต่การครอบงำตอนลูกทำการบ้าน
มานั่งคิดๆตอนมีสติแจ่มใส #ลูกไม่ได้อะไรที่เราต้องการข้างต้นเลย
.
ท้ายที่สุด
จากใจของกุมารแพทย์ ที่ไม่ยอมรับการทารุณกรรมเด็กไม่ว่าทางใดก็ตาม
แต่ก็ยอมรับว่าบางครั้ง เราก็ทำไปโดยที่เราไม่รู้ตัว และ ไม่ได้ตั้งใจ
หมอให้อภัยตัวเอง และก้าวต่อไป
ไม่มีแม่คนไหนไม่เคยผิดพลาด
แต่เมื่อเราคิดได้ เราก็แค่ไม่ทำซ้ำ

เราสกัดหมึกที่หยดลงไปในน้ำออกมาแล้วไม่ได้
แต่เราเติมน้ำใสให้หมึกเจือจางได้
.
หมอตั้งใจไว้ว่า จากวันนี้ เวลาการบ้านของลูก
จะต้องไม่ใช่เวลาที่ทำให้เกิดความทุกข์ทั้งแม่และลูก
ในเมื่อเป้าหมายของชีวิตมนุษย์ทุกคน คือ ความสุข
ถ้าเรารู้ว่า อะไรทำให้เกิดทุกข์...ก็แค่ไม่ทำมัน เท่านั้นเอง
.
ชีวิตมันสั้นนัก
.
มาพยายามด้วยกันนะคะ
.
หมอแพม

---